วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2557

วิธีรักษาอาการเซ็บเดิร์ม (seb derm) ด้วยตัวเอง ตอนที่ 1


สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ สมาชิกที่แวะเวียนเข้ามาอ่านบทความในบล็อกเพื่อศึกษาสาเหตุและหาวิธีรักษาอาการของ โรคเซ็บเดิร์ม ที่อาจจะกำลังเผชิญอยู่ทุกท่าน

สำหรับตัวแอดมินเองแล้ว แน่ใจว่าตัวเองเป็น เซ็บเดิร์ม เนื่องมาจากหมั่นสังเกตอาการของตัวเองมาเป็นระยะๆ น่ะนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการที่ผิวบริเวณใบหน้า ได้แก่ ใต้จมูกและรอบริมฝีปาก เกิดอาการคันยุบยิบๆ เป็นผื่นแดง มีสะเก็ดขาวปกคลุม และเริ่มร้ายแรงถึงขั้นมีน้ำเหลืองใส ๆ ซึมออกมาในบางขณะด้วย

ปัญหาของโรคเซ็บเดิร์มก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญใจค่อนข้างมากฮ่ะ เพราะนอกจากจะเสียบุคลิกเหมือนคนเป็นโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน ทาแป้งก็เป็นเป็นด่างๆ ดวงๆ ขุยๆ เป็นสะเก็ดขาวแล้ว ยังคันยุบยิบแสบร้อนจนบางคืนนอนแทบไม่หลับเอาด้วย

ระยะแรก ๆ ที่เป็นท้อใจอยู่เหมือนกันค่ะ เนื่องจากยังหาวิธีรักษาไม่พบ ไอ้ครั้นจะไปหาหมอหรือก็คงต้องยอมรับว่าขี้เกียจเกินไป ได้แต่เที่ยวค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเพื่อบรรเทาอาการและรักษาอาการที่เป็นไปวันๆ

ระยะแรกแอดมินใช้วิธีลองผิดลองถูกฮ่ะ หลังจากที่ค้นข้อมูลอยู่เป็นเดือนๆ ก็พบว่ามีผู้ที่กำลังเผชิญกับปัญหาของโรคเซ็บเดิร์มนี้ไม่ใช่น้อย บางคนก็เป็นเพียงหย่อมนึงแต่บางคนก็ถึงขนาดลามจากใบหน้าขึ้นหัวขึ้นหูกันเลยทีเดียว

วิธีการรักษาที่หลายๆ คนลองแล้วได้ผล เค้าแนะนำมาดังนี้ค่ะ

  1. ล้างหน้าให้สะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนที่สุด หากไม่ได้แต่งหน้าให้ใช้น้ำเปล่าล้างหน้า
  2. หลังล้างหน้าช่วงเช้าให้โบกครีมให้ความชุ่มชื่นผิวที่อ่อนโยนตามลงไป (ครีมที่หลายคนแนะนำก็คือตัว ฟิสิโอเจล ครีม เอไอ) ส่วนตอนกลางคืนก่อนนอน หลังล้างหน้าแล้วให้เช็ดด้วยน้ำเกลือล้างแผลรอบนึง จากนั้นนำน้ำมันมะพร้าวสะกัดเย็นมาทาบริเวณรอยโรค
  3. ห้ามแกะ เกา ลูบ คลำเด็ดขาด ถ้าคันยุบยิบมาก ๆ ให้นำแผ่นคูลแพ็ด cool pad ที่แช่เย็นไว้มาแปะ ๆ เพื่อบรรเทาอาการ
  4. หากรอยโรคมีอาการค่อนข้างมาก ให้ไปซื้อยาทาจากร้านขายยา โดยแจ้งอาการกับเภสัชกรว่าเป็นเซ็บเดิร์ม เภสัชกรจะจ่ายยาที่เข้าสเตียรอยด์อ่อน ๆ มาให้ทา ซึ่งยานี้ห้ามใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ เนื่องจากจะทำให้ผิวเกิดอาการติดสเตียรอยด์ขึ้นมาได้
แอดมินทำตามคำแนะนำด้านบนหมดทุกวิธีค่ะ นั่นคือช่วงนั้นงดแต่งหน้าทาแป้งไปเลย ใช้เพียงแค่ครีมบำรุงผิวและครีมกันแดดในช่วงเช้า ส่วนตอนค่ำก็เที่ยวสรรหาน้ำมันมะพร้าวสะกัดเย็นมาโบก ซึ่งก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นน่ะนะคะ



ดังนั้นเมื่อมันไม่หายเสียที แอดมินก็เลยต้องเดินหน้าเข้าร้านขายยาแจ้งกับเภสัชกรว่าเป็นเซ็บเดิร์มและต้องการหายาทาเพื่อรักษาอาการของโรค ซึ่งงานนี้เภสัชกรได้จ่ายยาในรูปของเนื้อครีมที่เป็นขวดมาให้ทา (ตัวยาชื่อ Topicorte 0.25%) โดยจะต้องทาบางๆ บริเวณที่เกิดรอยโรคเช้า-เย็นหลังล้างหน้า และไม่ควรทาติดต่อกันเกิน 7 วัน

เหมือสวรรค์มีจริงเลยค่ะ เพียงแค่ทาวันแรกเท่านั้น อาการของโรคก็ดีขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่ว่าจะเป็นอาการแสบร้อน,คันหรือแม้แต่อาการผิวลอกเป็นขุยในบริเวณที่เป็นรอยโรค แต่อาการของโรคนี้ก็ไม่ได้หายสนิทแต่อย่างใดค่ะ เพราะพอหยุดทายาได้สัก 2-3 วัน อาการของโรคมันก็แวะเวียนกลับมาเป็นอีก

เท่าที่แอดมินสังเกตดูช่วงที่เป็นหนัก ๆ ช่วงนั้นจะอยู่ในช่วงหน้าหนาวค่ะ คืออากาศจะเย็นและแห้งกว่าปกติ นอกจากนี้แล้วการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ก็สามารถทำให้อาการของโรคกำเริบได้ แอดมินเองชอบดื่มไวน์วันละแก้วตอนเย็น สังเกตว่าพอดื่มไวน์ปั๊บไม่เกิน 2 ชั่วโมง อาการคัน ตึง แสบร้อน จะเริ่มกลับมาถามหาอีก

ในตอนหน้าเรามาดูวิธีการรักษาอาการของโรคเซ็บเดิร์มที่ทำให้แอดมินมีอาการดีขึ้นจนสามารถกลับมาทาแป้งแต่งหน้าและใช้ชีวิตปกติโดยไร้รอยโรคกันต่อนะคะ